มันเทศ ( Sweet potato )
มันเทศเป็นพืชที่เราปลูกเพื่อบริโภคส่วนหัว
นอกจากนี้ใบและเถาสามารถใช้เป็นอาหารสัตว์ได้ด้วย
มันเทศเจริญเติบโตได้ดีในบริเวณแถบร้อนเป็นพืชที่ทนแล้งได้ดี ในประเทศไทยปลูกกันมากทางภาคอีสาน
เช่นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ขอนแก่น และเลย
เป็นต้น สำหรับภาคใต้ ภาคตะวันตก และภาคกลาง
ก็มีปลูกกันบ้างแต่ไม่มากนัก
ลักษณะโดยทั่วไป
มันเทศเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดทางเขตร้อนทวีปอเมริกา อยู่ในตระกูล Convolvulaceae มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Ipomoea batatas Lamk . เป็นพืชที่มีลักษณะเป็นเถาเลื่อยส่วนของหัวหรือ Tuber
Root ที่เราใช้บริโภคนั้นเกิดจากรากที่ขยายใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นหัว
มันเทศสามารถขึ้นในดินแทบทุกชนิด แต่ชอบดินร่วนปนทราย
หรือดินร่วนมีความเป็นกรดเป็นด่างของดิน ( pH ) ประมาณ 5.5-6.5 ดินที่ปลูกควรมีความชื้นพอเหมาะไม่ชื้นหรือแฉะเกินไป ในระหว่างปลูกควรได้รับแสงแดดเต็มที่ อายุตั้งแต่ปลูกด้วยยอดจนถึงเก็บเกี่ยวประมาณ 90-150
วัน
พันธุ์ที่ใช้ปลูก
พันธุ์ที่นิยมปลูกในบ้านเรา ได้แก่
( 1 ) พันธุ์ห้วยสีทน 1 มีลักษณะเลื้อยยาว ใบกว้างพอประมาณ
เนื้อในสีแดงรสหวานได้ผลผลิตสูง
( 2 ) พันธุ์โอกุด มีลักษณะเถาเลื้อยยาวพอควร ใบเป็นแฉก เนื้อในสีเหลืองอ่อน
การเตรียมดิน
เนื่องจากมันเทศเป็นพืชที่มีระบบรากลึก การเตรียมดินควรขุดไถดินลึกประมาณ 25-30 เซนติเมตร ตากดินไว้ 7-10 วัน
ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้ว 1-2 ตันต่อไร่
เพื่อให้ดินมีความร่วนซุ่ยดีขึ้นและอุ้มน้ำได้ดี
คลุกเคล้าดินให้ทั่ว
พรวนและย่อยดินผิวหน้าให้มีขนาดเล็กลง
เสร็จแล้วยกร่องเป็นแบบลูกฟูกห่างกันประมาณ 1 เมตร
การขยายพันธุ์ปลูกที่นิยมทำกันในบ้านเราคือใช้ส่วนของลำตัวหรือเถา โดยตัดเถาให้เป็นท่อน ๆ ยาวประมาณ 25-30 เซนติเมตร หรือตัดให้มีข้อประมาณ 6-8 ข้อ
วิธีการปลูก
การปลูกมันเทศให้ปลูกเป็นแถวเดี่ยวใช้ระยะปลูกระหว่างต้นประมาณ
30-50 เซนติเมตร
และระยะระหว่างแถวหรือระหว่างร่องประมาณ 100 เซนติเมตร
หลังจากเตรียมดินแปลงปลูกเสร็จแล้วให้นำเถาพันธุ์ไปปลูกโดยตรงในแปลง วางเถาพันธุ์ให้เอียงประมาณ 45 องศา
กับพื้นดินให้ปลายโผล่เหนือดิน 3-4
ใบโดยใช้จอบสับบนสันร่องแยกดินออกแล้วจับเถามันเทศวางลงไปที่รอยแยกดิน
ยกจอบขึ้นตามแนวที่สับลงไปแล้วใช้จอบกดดินให้แน่นพอควร
การใส่ปุ๋ย
ปุ๋ยเคมีที่ใช้ได้แก่ปุ๋ยที่มีสัดส่วนของธาตุโปตัสเซียมสูงกว่าธาตุไนโตรเจน
และ ฟอสฟอรัส เช่น ปุ๋ยสูตร 12-12-21 หรือ 10-10-20 หรือปุ๋ยที่มีสูตรใกล้เคียงกันนี้ โดยใส่ในอัตรา 50-100 กิโลกรัมต่อไร่
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดินแต่ละแห่ง
การใส่ให้แบ่งใส่ 2 ครั้งแรกปริมาณครึ่งหนึ่งใส่เป็นปุ๋ยรองพื้นตอนเตรียมดินแล้วพรวนกลบ
ครั้งที่สองที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งใส่เมื่อต้นมันมีอายุได้ประมาณ 30 วันหลังปลูก โดยโรยใส่บนร่องข้าง ๆ แถวพืชแล้วพรวนกลบ
การให้น้ำ
ถึงแม้ว่ามันเทศจะเป็นพืชที่ทนแล้งได้ดี
ก็ไม่ควรให้ขาดน้ำนานๆ จนเถาเหี่ยวเฉา
การให้น้ำมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความชื้นในดินเป็นหลัก โดยพิจารณาให้ดินมีความชื้นสม่ำเสมอ สำหรับในฤดูฝนนั้นเรื่องการให้น้ำไม่จำเป็นเลย
เพราะน้ำฝนจากธรรมชาติที่พืชได้รับนั้นพอเพียงอยู่แล้ว
การปลูกในฤดูแล้ง
หลังจากปลูกเสร็จถ้าดินมีความชื้นไม่พอต้องปล่อยน้ำให้ไหลเอ่อเข้าตามร่องปลูก ในระยะแรกจะให้น้ำห่างกัน 10-15 วัน
ต่อครั้ง หลังจากมันเทศมีอายุเกิน 1
เดือน
จึงลดการให้น้ำลงเหลือ 20-30 วัน ต่อครั้ง
ทั้งนี้ต้องดูความชื้นของดินประกอบด้วย
การพรวนดินกำจัดวัชพืช
วัชพืชเป็นตัวการที่คอยแย่งน้ำและอาหาร ดังนั้นควรมีการกำจัดวัชพืชบ่อย ๆ โดยเฉพาะในขณะที่มันเทศยังเล็กอยู่ หลังจากกำจัดวัชพืชแล้วควรมีการพรวนดิน
พูนโคนรอบ ๆ ต้นควบคู่กันไปด้วยเพื่อให้มันลงหัวดีขึ้น ในขณะที่มันเริ่มลงหัวดีแล้วควรงดการพรวนดิน เพราะอาจกระทบกระเทือนต่อรากได้
การตลบเถามันเทศ
เนื่อจากมันเทศพวกพันธุ์เถาเลื้อย
เถามันจะเลื้อยไปได้ไกลและทำให้รากที่เกิดตามข้อของลำต้นส่วนปลายเถาหยั่งลึกลงดิน ซึ่งเป็นการแย่งน้ำและอาหารของหัวที่เกิดอยู่ก่อนแล้วทำให้ได้หัวที่มีขนาดเล็กลงหรืออาจไม่ลงหัวเลยก็ได้ จึงต้องมีการตลบเถามันเทศที่เลื้อยออกไปกลบขึ้นไปไว้บนหลังแปลง
ซึ่งมักจะทำเมื่อมันเทศมีอายุได้ประมาณ 60 วัน
การเก็บเกี่ยว
อายุการเก็บเกี่ยวมันเทศประมาณ 90-150 วันหลังจากปลูก
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของแต่ละพันธุ์และสภาพแวดล้อมโดยทั่วไป
การปลูกมันเทศในฤดูฝนจะทำให้อายุการเก็บเกี่ยวยืดออกไปนานกว่าปลูกในฤดูแล้งอีกประมาณ
30 วัน
เพื่อให้การเก็บเกี่ยวมันเทศอยู่ในระยะที่ขายดีควรทดลองขุดหัวดูสัก
3-4 ต้นใช้มีดตัดหัวมัน
ถ้ารอยตัดมียางไหลซึมออกมาและแห้งไปอย่างรวดเร็วแสดงว่าแก่เต็มที่พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวได้ นอกจากนี้การเก็บเกี่ยวควรทำอย่างระมัดระวังอย่าให้หัวบอบช้ำและมีบาดแผล
โรคของมันเทศ
โรคที่สำคัญได้แก่โรคใบจุด และโรคหัวเน่า
แมลงที่สำคัญ ๆ ได้แก่ ด้วงงวงมันเทศ
หนอนชอนใบมันเทศ
และเพลี้ยอ่อน เป็นต้น
เหมาะสำหรับคนที่ทำสวนมากๆ
ตอบลบเดี๋ยวจะทดลองปลูกดู
ตอบลบนี่มันเรื่องของ มัน นี่คะ
ตอบลบมันล้วนๆๆไม่มีอะไรปน
ตอบลบเหมาะกับการทำสวนมากๆ
ตอบลบได้สาระมากค่ะ
ตอบลบนำมาเชื่อมกินอร่อยนะ
ตอบลบ